ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการกระบวนการ
(Process
Management) ตอนที่ 2
จากบทความเดิมในตอนที่
1 เราได้ทราบกันไปแล้วว่าทุกองค์กรย่อมต้องมีกระบวนการทำงาน
ซึ่งในแต่ละกระบวนการจะประกอบขึ้นด้วยกิจกรรมต่างๆ
เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ โดยการจัดการกระบวนการที่มีประสิทธิภาพนั้น
เราจะต้องเริ่มต้นจากการ “วางแผน” ก่อนเป็นอันดับแรก
ผมขออธิบายเกี่ยวกับการวางแผนโดยยกตัวอย่างอิงกีฬายอดฮิตอย่างฟุตบอล
ซึ่งคณะโค้ชของแต่ละทีมจะต้องวางแผนกำหนดตำแหน่งผู้เล่น
ในบางครั้งก็ต้องพิจารณาซื้อตัวนักเตะเพิ่ม
บางทีก็จะต้องมีการสลับตำแหน่งกันบ้างเพื่อความเหมาะสม โดยกำหนดบทบาทหน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง
แจกแจงแผนการเล่นอย่างรัดกุมว่าจะจัดทัพแบบใด จะเป็น 4-3-3 ดี
หรือ 4-4-2 ดี เรื่อยไปจนถึงจะใช้แทคติกแบบไหนเพื่อให้ทีมทำประตูเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเด็ดขาด
เปรียบไปก็เหมือนกับองค์กรที่มีเป้าหมายในการเอาชนะสนามแข่งขันทางธุรกิจ
จึงต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ มีการควบคุมและปรับปรุงกระบวนการอย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งจะช่วยลดการสิ้นเปลืองงบประมาณ ทรัพยากร และเวลา
ส่งผลให้ต้านทุนต่ำลงในขณะที่ผลกำไรเพิ่มขึ้น
การออกแบบกระบวนการก็จัดเป็นการวางแผนอย่างหนึ่ง
ที่จะช่วยให้มองเห็นภาพรวมและความสัมพันธ์ของแต่ละกระบวนการที่เชื่อมโยงกัน
ดังนั้น แผนงานที่ดีจะสะท้อนถึงภาพลักษณ์และตัวตนขององค์กรในทางที่ดีด้วยเช่นกัน
การออกแบบกระบวนการนั้น
จะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายด้าน เช่น ระยะเวลา ต้นทุน ทรัพยากร
ความเสี่ยง เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่นในการพัฒนาระบบสารสนเทศ
จำเป็นต้องมีการวางแผนกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องทำไว้ล่วงหน้า
เพื่อควบคุมการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามต้องการภายใต้ระยะเวลา งบประมาณ
และทรัพยากรที่มีอยู่
หลายท่านอาจจะสงสัยว่า
แล้วแผนงานที่ดีจะต้องมีอะไรบ้างล่ะ? ผมจึงขอไขข้อข้องใจให้ทราบว่าคุณควรจะมีสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างน้อยครับ
กำหนดวัตถุประสงค์
– เช่น เพื่อให้มีมาตรฐานในการทำงาน, เพื่อให้สอดคล้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย
กำหนดขอบเขต
–
เช่น ครอบคลุมบุคลากรทุกคนในองค์กร, ครอบคลุมอุปกรณ์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของแผนกไอที
กำหนดเป้าหมาย
– ซึ่งจะต้องตอบสนองภารกิจหลักขององค์กร เช่น เพิ่มยอดขาย +10% จากปีที่แล้ว
ประเมินระยะเวลา
ทรัพยากร และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละกิจกรรม รวมถึงกำหนดตารางกิจกรรม
กำหนดบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของคนที่เกี่ยวข้อง
ประเมินความเสี่ยงและผลกระทบอันอาจจะเกิดขึ้น
จัดทำแผนภาพความสัมพันธ์ของกิจกรรมและกระบวนการทั้งกระบวนการหลักและสนับสนุน
กำหนดกระบวนการควบคุมติดตาม
KPI (Key Performance Indicator)
การออกแบบกระบวนการนั้นจะเกิดขึ้นในระหว่างการวิเคราะห์ความต้องการและการเริ่มต้นสร้างกระบวนการทำงาน
ขนาดและความซับซ้อนของมันจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ขององค์กร ในช่วงการออกแบบนี่เองจะช่วยให้คุณมองเห็นโครงสร้างทั้งหมดและตัดสินใจเลือกวิธีการ
(Solution)
ที่มีประสิทธิภาพ.. คุณลองนึกภาพตามผมดูนะครับว่ามีลูกฟุตบอลวางขายอยู่ข้างกัน
2 ลูก ถึงจะเป็นคนละยี่ห้อแต่ทั้งคู่ก็มีรูปร่างลักษณะเหมือนกันทุกประการ
ซึ่งคนทั่วไปอย่างเราคงไม่มีทางแยกแยะความแตกต่างได้
แต่เบื้องหลังการผลิตของแต่ละยี่ห้อนั้นอาจจะมีกระบวนการผลิตที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง
ด้วยคุณภาพสินค้าที่เท่าเทียมกันนี้
ยี่ห้อหนึ่งอาจจะสามารถควบคุมกระบวนการผลิตให้ได้ต้นทุนที่ต่ำกว่า ส่งผลให้ได้สัดส่วนกำไรที่สูงกว่า
ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบในการเอาชนะการแข่งขันเชิงการค้า
และสามารถอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนกว่าอีกฝ่ายนั่นเอง
ขั้นตอนการออกแบบกระบวนการ
1.
พิจารณาข้อกำหนดที่ต้องการ
2.
พิจารณาขั้นตอนในการดำเนินการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามข้อกำหนด
รวมถึงทบทวนเงื่อนไขของสภาพปัจจุบัน
3.
กำหนดทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้
4.
กำหนดผู้รับผิดชอบในการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน
5.
กำหนดวิธีการในการควบคุมและตรวจสอบ
6.
พิจารณาเอกสารแบบฟอร์มที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละขั้นตอน
7.
ทดลองปฏิบัติตามกระบวนการที่ได้ออกแบบไว้
8.
ตรวจสอบ และนำมาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม
9.
จัดทำเป็นเอกสารมาตรฐาน เพื่อใช้ในการอ้างอิงในองค์กร
กระบวนการทำงานที่ดีจะต้องมาจากการออกแบบที่ดี
จึงจะส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพ
บรรลุตามความต้องการหรือวัตถุประสงค์ที่วางไว้ โดยกระบวนการที่ดีจะต้องมีความคล่องตัวสูงสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์
ที่สำคัญจะต้องไม่ซับซ้อนเกินความจำเป็น และมีความรอบคอบ รัดกุม ชัดเจนครับ
Content Cr: DestinationOne Counselor
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.