ตัวอย่าง: เอกสาร ISO Context Analysis Form
Context Analysis หรือ การวิเคราะห์บริบท ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งในการจัดทำมาตรฐาน ISO ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ หรือความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ หรือการจัดการสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ทั้งนี้ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าควรจะออกแบบหน้าตาแบบฟอร์มที่ใช้บันทึกการวิเคราะห์นี้อย่างไร ทีมงาน DestinationOne จึงนำตัวอย่างเอกสารดังกล่าวมาให้ท่านได้พิจารณาครับ
Note:
DestinationOne ขอสงวนสิทธิ์ของตัวอย่างเอกสารนี้
โดยอนุญาตให้นำไปใช้เพื่อประโยชน์เชิงวิชาการหรือเพื่อการประยุกต์ใช้ภายใน
องค์กรเท่านั้น ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง
หรือแอบอ้างเพื่อการหาประโยชน์เชิงการค้าโดยเด็ดขาด.
Monday, February 20, 2017
Tuesday, February 14, 2017
5 เทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2017
5 เทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วในปี
2017
เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
และมักจะมีอะไรใหม่ๆ มาเรียกร้องความสนใจของเราอยู่เสมอๆ ในช่วงต้นปีนี้อย่างนี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีหลายสำนักต่างก็ออกมาคาดการณ์ถึงเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มสว่างไสวประจำปี
2017
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็พูดไปในทิศทางเดียวกัน ถึง 5 เทคโนโลยีดังต่อไปนี้
1. Artificial Intelligence (AI)
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) นั้น อันที่จริงเริ่มบูมมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2016 แล้ว และมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นในปี 2017 นี้ โดยเฉพาะเมื่อรัฐวิสาหกิจและองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprises) ต่างก็กำลังมองหาเทคโนโลยีเพื่อช่วยตอบโจทย์การจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่พวกเขามีอยู่ อันจะนำไปสู่การให้บริการที่ดีกับลูกค้า โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการลงทุนในด้าน AI จะสามารถลงลึกในระบบที่ซับซ้อน รวมถึงการวิเคราะห์ขั้นสูงและเสริมศักยภาพการเรียนรู้ของเครื่องจักรกล
2. Internet of Things (loT)
AI ที่พูดถึงไปแล้วเมื่อสักครู่ มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับแนวโน้มร้อนๆ
ที่สองสำหรับปี 2017 จากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญในอีก 3
ปีต่อจากนี้ไป อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันชนิดต่างๆ จะถูกเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ทเพิ่มมากขึ้นกว่าปัจจุบันราวๆ
300% หรือประมาณกว่าแสนล้านชิ้น หน่วยงานราชการสามารถนำขีดความสามารถของ
IoT มาช่วยในการบริหารจัดการสินทรัพย์, การคำนวณ หรือ ประมาณการณ์ปริมาณการทำงาน และการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ โดยใช้ข้อมูลต่างๆ
ที่ถูกรวบรวมผ่าน Sensors Technology แล้วส่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ท
มาเก็บไว้ในฐานข้อมูลกลาง IoT ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเชื่อมต่อธุรกิจเท่านั้น
แต่ IoT และระบบจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
Gartner
ได้คาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2022 ที่กำลังจะมาถึง
IoT จะช่วยให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวที่ใช้ไปในการบำรุงรักษา
การบริการ และวัสดุสิ้นเปลือง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวโน้มด้าน IoT จะนำมาซึ่งความสะดวกสบายก็จริง แต่ก็พกเอาความเสี่ยง และความไม่มั่นคงปลอดภัยแถมมาด้วย
คือสามารถมองได้ในอีกมุมหนึ่งว่า IoT อาจจะถูกนำมาใช้ประโยชน์ในทางที่ผิดเป็นภัยคุกคามได้ด้วยเช่นกัน
3. Augmented Reality (AR)
ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่าปี 2017 จะเป็นปีของมิติเสมือนจริง โดยใช้เทคโนโลยี AR ในการผสานเอาโลกแห่งความเป็นจริง
(Real) เข้ากับโลกเสมือน (Virtual) ผ่านทางอุปกรณ์
Webcam, กล้องมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ร่วมกับการใช้ Application
หรือ Software ต่างๆ ซึ่งจะทำให้สิ่งที่เห็นในจอภาพ
เป็น Object (คน, สัตว์, สิ่งของ, สัตว์ประหลาด, ยานอวกาศ
ฯลฯ) แบบสามมิติ ซึ่งมีมุมมองถึง 360 องศาเลยทีเดียว ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนก็เช่น
เกมยอดฮิตบนมือถือ Pokémon GO นั่นเอง ในปีนี้จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการหลายรายจะนำเทคโนโลยี
AR นี้มาใช้ในงานใหม่ๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตและกำไรให้กับพวกเขา
และ Gartner ยังคาดการณ์ไว้ว่าในปี 2020 จะมีผู้ใช้งาน AR นี้มากถึง 100 ล้านคนเลยทีเดียว
4. Automation
เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ (Automation)
จะเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าไอทีกันเลยทีเดียว ผู้ประกอบการหลายๆ รายจะหันมาใช้ระบบอัตโนมัติทดแทนการทำงานของคนในหลายจุด
โดยเฉพาะเพื่องานในเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ซึ่งจะเริ่มเห็นได้จากภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย
ทั้งนี้ เทคโนโลยีนี้จะช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการผลิตได้เป็นอย่างมาก
5. Cybercrime
มีเทคโนโลยีด้านดีๆ แล้ว ย่อมต้องมีด้านไม่ดีเกิดขึ้นเช่นกัน
นักวิเคราะห์เห็นว่าแนวโน้มของการเกิดอาชญากรรมไซเบอร์ (Cybercrime)
ไม่ได้มีแนวโน้มที่จะลดลงในปี 2017 นี้เลย ในความเป็นจริงมันกลับมีเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ
เช่น การจารกรรมโดย Ransomware, การปฏิเสธการให้บริการ,
การละเมิดความเป็นส่วนตัว ฯลฯ ซึ่งมองว่าจะยิ่งบานปลายจนน่าเป็นห่วง
อีกทั้งยังเป็นที่น่าสนใจว่ามีรายงานคาดการณ์ถึงขั้น Cyber Attacks จะกลายเป็นปัญหาระดับชาติทางการเมืองที่สำคัญอีกด้วย เห็นได้จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ของสหรัฐที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ
เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเทรนด์เทคโนโลยีที่มาและขาดไม่ได้ในสายตาของผู้เขียน
นั่นก็คือเทคโนโลยี Cloud Computing นั่นเองค่ะ
Content Cr: NetworkComputer.com / DestinationOne Counselor
Photo Cr: Vector Open Stock
Wednesday, February 1, 2017
ระวัง! Locky Ransomware มัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่มากับไฟล์รูปภาพ
ระวัง! Locky Ransomware มัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่มากับไฟล์รูปภาพ
ถ้าหากคุณได้รับอีเมล์ที่แนบไฟล์รูปภาพ (Image File) ซึ่งส่งมาจากเพื่อนหรือใครก็ตาม หรืออาจจะได้รับไฟล์รูปภาพนั้นผ่านทาง Facebook Messenger, LinkedIn หรือโซเชียลมีเดียอื่นๆ ขอให้ลองหยุดคิดสักนิดก่อนที่จะคลิกเข้าไปดูนะครับ เพราะไฟล์ภาพนั้นอาจจะมีการฝังมัลแวร์ตัวร้ายเอาไว้
เพราะยุคนี้แม้แต่ภาพ JPEG (.jpg) ก็สามารถซุกซ่อนมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) มาด้วยได้ โดยเจ้ามัลแวร์ตัวนี้มีชื่อว่า “Locky Ransomware”
ยกตัวอย่างที่เพิ่งเป็นข่าวมาเมื่อไม่นานนี้.. Locky Ransomware ได้แพร่กระจายผ่าน Facebook Messenger โดยหนนี้เป็นการส่งไฟล์นามสกุล .svg
นักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยของอิสราเอลได้ออกมาเล่าถึงการแอบฝังมัลแวร์เข้ากับไฟล์รูปภาพ รวมถึงการทำงานของมันว่า.. ผู้คิดค้นมัลแวร์ Locky Ransomware ได้ค้นพบช่องโหว่ความด้านความปลอดภัยใน Facebook และ LinkedIn ที่ระบบบังคับให้ดาวน์โหลดไฟล์รูปภาพอัตโนมัติบนเครื่องคอมพิวเตอร์ และในกรณีการใช้งานผ่านช่องทางอื่นๆ ผู้ใช้งานเองก็มักจะคลิกไฟล์ภาพเพื่อดาวน์โหลดเองโดยปราศจากความระแวงอยู่แล้ว ทันทีที่ติดเชื้อ Locky Ransomware ก็จะทำการเข้ารหัสไฟล์ทั้งหมดในเครื่อง และจะได้รับข้อความให้ดำเนินการจ่ายค่าไถ่หากต้องการกู้ไฟล์ทั้งหมดคืน..
ลองมาดูคลิปนี้เพื่อทำความเข้าใจกับ Locky Ransomware ให้มากขึ้นกันครับ..
Content Cr: Swati Khandelwal/DestinationOne Counselor
Subscribe to:
Posts (Atom)